วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

Professional Practice Assignment#4 ตามหาสถาปนิกรุ่นพี่ลาดกระบัง



Professional Practice Assignment#4 ตามหาสถาปนิกรุ่นพี่ลาดกระบัง


พี่นัท  ณัฐพล เพิ่มพูน  อายุ 27 ปี เข้าปี 46
ปัจจุบันทำงานที่ Metaphor Design+ Architecture ที่ประเทศสิงคโปร์
การทำงาน
ตำแหน่ง ผู้ช่วยสถาปนิก Senior Assistant Architect  พอเรียนจบ พี่ก็อยู่ที่เมืองไทยประมาณ 4เดือนทำอะไรต่างๆ ก่อนไปทำงานที่สิงคโปร์ ก็ทำงานที่เมืองไทย 2 เดือน และก็พักผ่อนบ้าง ถามว่าการสมัครงานยากไหม ช่วงที่สมัครงานตอนนั้นเป็นช่วงก่อน Hamberger crisis ที่อเมริกาจะล้ม ช่วงนั้นเศรษฐกิจดีมาก ที่สิงคโปร์ดีมาก เมืองไทยก็ดีมากเหมือนกัน พอจบมาก็ส่ง Portfolio ส่งไปที่บริษัทที่สิงคโปร์ คือที่สิงคโปร์ก็จะมีเหมือนสมาคมสถาปนิกสยาม เราก็เข้าไปดูในเวบไซด์เขา เราก็ดูจะมี บริษัทกี่บริษัท อะไรบ้าง A-Z เราก็ส่งไปหมดเลย พอส่งไป เขาก็ติดต่อกลับมา มีอยู่ประมาณ 8-9 บริษัท ถ้าถามว่าการไปทำงานที่สิงคโปร์ยากไหม ตอนนั้นไม่ยาก เพราะเศรษฐกิจดี แต่ว่ายากไม่ยากอยู่ที่ศักยภาพของเราด้วย ภาษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญ และเศรษฐกิจด้วยว่า ดีหรือ ไม่ดี


ส่วนข้อคิด คติในการทำงาน จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรมากแต่ด้วยตำแหน่งซึ่งเราก็ต้องทำตามบอสอยู่ดี ก็คติการทำงานพูดง่ายๆ ก็คือ การซื่อสัตย์ต่ออาชีพ เพราะลูกค้าต้องการงานดีๆ มันก็จะมีอยู่ 3 อย่างที่ลูกค้าต้องการ คือ คุณภาพ ราคา และเวลา เป็นอะไรที่สำคัญมาก งานดีๆที่คุณภาพดี บางทีมันอาจถูกจำกัดด้วยเวลา ราคา  มันจะเป็น key factors ต่างๆ ที่มันสำคัญ คุณภาพก็ทำให้ดี ในเวลาที่มันจำกัดและในเงินที่มันจำกัด พี่เลยถือ key factors 3 ตัวนี้ ให้มันออกมาดีที่สุด




คิดยังไงกับการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม
อันนี้ดีมากเลย เพราะว่า โปรเจคที่พี่ทำอยู่มันเป็นโปรเจค ที่เรียกกว่า Green mark อะนะ ก็เหมือนเป็นข้อจำกัดว่าคุณออกแบบโปรเจคให้ได้ตามกฎเกณฑ์ที่เขากำหนด ตามเท่านี้ๆข้อ นะ แล้วคุณจะได้ระดับ Green mark pattinum  หรือ Greem mark gold เป็นระดับ ระดับไป ส่วนงานที่พี่ทำอยู่ตอนนี้ก็จะเป็นบ้านที่ประหยัดพลังงานซึ่งแน่นอนที่สุดว่าต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ก็คือว่า ได้มีโอกาสได้รู้ว่าพอเราเริ่มออกแบบแบบประหยัดพลังงานจะต้องเริ่มออกแบบยังไง พอเริ่มออกแบบถ้าเราก็เรียน Building Equipment มาแล้วที่เราก็จะรู้องค์ประกอบอาคารที่ใช้ในการออกแบบอาคารเขียวเนี่ยมีอะไรบ้าง อย่างเช่น Solar cell ,Green wall Green roof หรือว่าระบบผนัง dry wall  ระบบ  air con ซึ่งเป็นระบบประหยัดพลังงาน VRV System หรือจะเป็นพวกนำแสงสว่างจากธรรมชาติมาใช้ ระบบวัสดุที่ใช้ประกอบอาคาร กระจก temper Low e  laminate อะไรพวกนี้ เป็นพวกเทคโนโลยีเข้ามาเยอะ  พอเป็นระบบประกอบอาคารก็จะเป็นเทคโนโลยีการควบคุมอาคาร อย่างเช่น  เราก็มีระบบควบคุมโดยใช้ระบบสมองกล  อย่างเช่น เรามีระบบเซนเซอร์ ตรวจสอบว่ามีคนอยู่มั้ย ถ้าไม่มีก็จะประหยัดไฟโดยการปิดไฟเองอัตโนมัติอะไรแบบนี้ ซึ่งก็จะมีเรียกว่า ระบบ Building Intelligent system  เข้ามาออกแบบในการก่อสร้างซึ่งที่พี่ทำอยู่เราเริ่มจากส่วน Design concept จนถึงในส่วนก่อสร้างแล้วอยู่ที่ประมาณ 80 % แล้วก็ใกล้จะเสร็จแล้วน่าจะประมาณเกือบปลายปี ถ้าจะตอบคำถามว่าคิดยังไงเกี่ยกับการออกแบบเกี่ยวกับ green พี่ว่ามันก็สำคัญในช่วงนี้ แต่ว่าขึ้นอยู่กับ Budget ของเจ้าของโครงการเพราะจะต้องมีงบประมาณเพิ่มขึ้นมาประมาณ 15-20%ของงบประมาณ ในส่วนงบประมาณที่ต้องเพิ่มเข้ามาในส่วนของ Green Feature  และ green product ต่างๆที่ต้องเข้ามาใช้ออกแบบในอาคาร ให้อาคารเป็น green มากขึ้น
คิดยังไงกับจรรยาบรรณวิชาชีพ
จรรยาบรรณวิชาชีพก็สำคัญนะ แต่ว่าบางทีสถาปนิกในโลกความเป็นจริงมันก็โหดร้ายนะบางที เพราะเราต้องคุยกับผู้รับเหมา บางทีคุยกับผู้รับเหมา ผู้รับเหมาอาจไม่มีจรรยาบรรณหรือคุยกับลูกค้าซึ่งหลอกเรา เอาแบบของสถาปนิกไปใช้ต่อโดยไม่ได้จ้างเรา เอาไปให้ผู้รับเหมาสร้างต่อ อะไรแบบนี้ ซึ่งก็นั่นแหละเพราะบางทีจรรยาบรรณก็ไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้แต่ว่ามันก็สามารถควบคุมตัวเราเองได้ แต่ว่าก็ต้องดูสถานการณ์บางทีเราแข็งเกินไปมันก็ดี เรามีจรรยาบรรณบางทีก็ต้องดูกับผู้ร่วมงานด้วย บางทีเราอาจมีปัญหากับเขาว่าเรามีจรรยาบรรณมากเกินไป อาจมีปัญหา อยู่ที่สถานการณ์ ณ เวลานั้นมากกว่าว่าเราควรจะทำยังไงมากกว่า
บรรยากาศการเรียน
ก็จะประทับใจในส่วนกิจกรรมต่างๆ เรื่องบันเทิงๆ ในคณะที่พี่ๆ น้องทำร่วมกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่วนบรรยากาศการเรียนก็ชอบตรงที่ว่า คนมันไม่เยอะ ไม่อึดอัด  ดูแลกันทั่วถึง เพื่อนรู้จักกัน สนิทกันมากเพราะคนไม่เอยะมาก ไปไหนไปกัน แต่ไม่รุว่าตอนนี้เป็นยังไงแต่ว่าก็ชอบตรงที่คนไม่เยอะ ตอนรุ่นพี่มีกันอยู่ประมาณ 50 คนแต่รุ่นก่อนหน้านั้นประมาณ30 คนพอคนน้อยก็น้อยเรื่อง จะไปไหนกันก็ไม่เรื่องมาก แต่ว่าก็เข้าใจว่าสมัยนี้คนเยอะเพระาว่าปัจจัยต่างๆหลายอย่างทั้งการออกนอกระบบของมหาลัยก็ไม่เป็นไร
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณพี่นัทมากๆที่สละเวลามาให้หนูได้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ชีวิตและการทำงาน ซึ่งนับว่าโชคดีที่ได้พูดคุยกับพี่นัทโดยตรงที่สตูดิโอของคณะเรา จากปกติที่พี่เขาทำงานที่สิงคโปร์ เพราะพี่นัทมาช่วยทีสิสพอดี และจากการได้พูดคุย สัมภาษณ์ทำให้รู้เรื่องอะไรอีกเยอะและรู้ว่าอนาคตการทำงานที่ต้องออกไปเจอจริงๆมันไม่ง่ายเลย ขอบคุณมากๆค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น